If you cannot view this HTML message
properly, please
click here
หากพบปัญหาในการดูภาพหรือลิงค์ต่างๆ
กรุณา
คลิกที่นี่
วันที่ 14 มีนาคม 2554
ผมมีความสุขมาก
ที่ปัจจุบันได้ใช้บทบาทการเป็นโค้ชมากขึ้น ในหลายๆกรณีที่เกิดขึ้นกับผมๆไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัว, ครอบครัว, อาชีพการงาน และการดำเนินชีวิต เพราะผมมั่นใจว่า การเรียนรู้และเข้าใจบทบาทของการเป็นโค้ชที่แท้จริงนั้น จะทำให้เรามีความสุขกับตัวเองมากขึ้น ผลงานก็จะมีประสิทธิผลเพิ่มขึ้น ดังนั้นทุกวันนี้ผมจะพัฒนาตัวเองให้เป็นโค้ชที่ดียิ่งๆขึ้นไปอีกครับ
สาเหตุที่ผมเลือกบทบาทของตัวเองเป็นโค้ช เพราะ...
โค้ชสามารถดึงศักยภาพของผู้อื่นให้เขาพัฒนาตัวเองได้
โค้ชต้องมีภาวะความเป็นผู้นำสูง
โค้ชใช้วิธีจูงใจมากกว่า คำสั่ง ให้ผู้อื่นปฏิบัติตาม
โค้ชมีความสุขที่เห็นผู้อื่นพัฒนา
โค้ชสามารถกระตุ้นตัวเองให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง
จริงๆแล้วผมมีพฤติกรรม , อุปนิสัย และคุณสมบัติหลายๆอย่าง ที่เหมาะแก่การเป็นโค้ชมาในอดีต พอสมควร แต่ไม่ได้ทันสังเกตตัวเอง จนกระทั่งมาเป็นโค้ชมืออาชีพในปัจจุบันจึงมองเห็น จุดเด่นของตัวเองที่เป็นคุณสมบัติของโค้ช พอสรุปได้ดังนี้ครับ
พฤติกรรมในวัยเด็ก
: ชอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน คุณแม่เล่าให้ฟังว่าตอนเป็นเด็กๆ ผมชอบนั่งอยู่ในวงสนทนาผู้ใหญ่ และนั่งอยู่ได้นานๆ ไม่รู้ฟังอะไร
: โค้ชต้องฟังผู้อื่นอย่างตั้งใจ และให้ความสำคัญกับผู้พูด
เรื่องที่ชอบปฏิบัติโดยปกติ
: ชอบแก้ปัญหาให้กับผู้อื่น (ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน) มีคนชอบมาขอคำปรึกษาผมเวลาที่เขามีปัญหา สมัยก่อนก็ให้แนวความคิดของตัวเองไปตามประสาวัยรุ่น แต่ก็ทำด้วยความเต็มใจ หลายคนรู้สึกดีใจที่ได้คุยกับผม ถึงแม้บางปัญหาจะแก้ไม่ได้ก็ตาม
:โค้ช ทำให้ผู้อื่นแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเขาเอง เอาใจใส่กับปัญหาของผู้อื่น
โค้ชชิ่งผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
: ผมเป็นคนค่อนข้างมองโลกในแง่ดี จึงมองเห็นปัญหาเป็นเรื่องท้าทาย ถ้าเอาชนะไปได้ จึงมีมุมมองเป็นทางบวกในหลายๆเรื่อง กรณีที่มีคนคิดลบ ผมก็จะถามว่าคิดแบบนี้ได้หรือไม่? ไม่ได้แย้งเขาแต่ถามเพราะเราคิดแบบนี้ ถ้าเป็นเพื่อนกัน เขาก็จะลองเปลี่ยนความคิดของตัวเองใหม่ และก็แก้ไขปัญหาได้จริงๆ เราก็รู้สึกมีความสุขที่ได้คุยกัน มารู้อีกทีก็เข้าใจได้ว่าเราโค้ชชิ่งเขาไปแล้วโดยเราไม่รู้ตัวเองเลย
: โค้ชกระตุ้นให้ผู้อื่นมีทางเลือกของตัวเอง และเปลี่ยนความคิดใหม่ด้วยตัวของเขาเอง บังคับไม่ได้
ปัจจุบัน
ผมได้พัฒนาตัวเองเพื่อเป็นโค้ชที่ดี สามารถให้พลังผู้อื่นและกระตุ้นให้อยากเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง โดยการใช้กระบวนการและเทคนิคต่างๆ ที่ผมศึกษามา และลงมือปฏิบัติด้วยตัวเอง มากว่า 3 ปี ผ่านการเป็นโค้ชให้กับผู้อื่นมากมายทั้ง Group Coaching, 1:1 Coaching, On-The-Job Coaching และ Life Coach (โค้ชชิ่งตัวเอง) จึงอยากนำประสบการณ์ที่มีมาแลกเปลี่ยนกับทุกๆท่าน ผ่านทาง กรณีศึกษา ที่เกิดขึ้นจริง กับสิ่งที่ผมได้ไปดำเนินการโค้ชชิ่ง(Coaching) ผมทำอย่างไร และเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพื่อให้ท่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับตัวเอง ตามความสะดวกของแต่ละบุคคลครับ
ผมขออนุญาต ทยอยส่งให้กับทุกท่าน ประมาณ 2 สัปดาห์ 1 ครั้ง ผมจะเขียนเป็นตอนๆ ไป หากท่านอ่านไม่ทัน ก็สามารถอ่านย้อนหลังได้ที่เวบไซต์ของผมครับ
(www.pakornblog.com)
เพื่อให้ท่านได้มีโอกาสนำไปประยุกต์ใช้และทดลองปฏิบัติในฐานะที่เป็นโค้ชชี่ (Coachee) หรือในฐานะที่เป็นโค้ช (Coach) ก็ตาม
ฉบับหน้าพบกับตอน แก่นสำคัญของการเป็นโค้ช ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานแนวความคิดเบื้องต้นของโค้ชครับ เช่น
สิ่งที่โค้ชต้องทำ
เทคนิคกระตุ้นให้โค้ชชี่เปลี่ยนแปลงตัวเอง
คำสำคัญที่ใช้ประกอบการโค้ชชิ่ง
พบกันฉบันหน้าครับ สวัสดีครับ